วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เชือกว่าว

เชือกว่าว


คุณอาสมหมาย แสดงการปั่นเชือก





เชือกว่าว ต้องเก็บในตะกร้าอย่างนี้ครับ ไม่พันกัน แล้วใช้งานสะดวกด้วย












สเปคตรา (spectra) :
เป็นเชือกทำจาก polyethylene fiber มีคุณสมบัติคล้ายกับเคฟลาร์ คือมีความยืดหยุ่นน้อย แต่แข็งแรง สเปคตรา ถูกใช้เป็นสายโยงยึดของนักบินอวกาศ ขณะทำงานนอกยานอวกาศ สเปคตราเส้นเล็กเท่าด้ายเย็บผ้า สามารถทนแรงดึงได้มากกว่า 50 กิโลกรัม แต่ยืดหยุ่นน้อยกว่า 1 เปอร์เซนต์ของความยาวของตัวมันเอง
อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับสเปคตราเพิ่มเติม ได้ที่ dmcleish.com
สเปคตรา เหมาะสำหรับว่าวบังคับเส้นคู่ และ ว่าวบังคับ 4 เส้น รวมถึง พวก Power Kite Flying ด้วย



ดาครอน (dacron) : หรือ เทอรี่ลีน (Terylene), เททโตรอน (Tetoron), ไดโอเลน (Diolen), เทอริทัล (Terital), เทอร์กัล (Tergal)
เป็นเชือกที่มีกำลังปานกลาง และมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับว่าวสายเดี่ยวทั่วไป


ข้อมูลจาก web page "มาตรฐานชุดเครื่องแบบนักเรียน"
http://72.14.235.104/search?q=cache:yV5h5UYDpDkJ:www.thaitextile.org/dataarticle/bunchai/bunchai23.doc+Dacron&hl=th&ct=clnk&cd=62&gl=th
มาตรฐานชุดเครื่องแบบนักเรียน (bunchai23.doc)
Polyester เป็นเส้นใยที่เรียกชื่อแตกต่างกันออกไปตามประเทศผู้ผลิต มีคุณสมบัติที่เหมือนกันคือ เป็นเส้นใย Polyester เมื่อผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกามักเรียกว่า ดาดรอน (Dacron) สหราชอาณาจักรเรียกว่า เทอรี่ลีน (Terylene) ญี่ปุ่นใช้ชื่อทางการค้าว่า เททโตรอน (Tetoron) เยอรมันใช้ชื่อว่า ไดโอเลน (Diolen) อิตาลี เรียกว่า เทอริทัล (Terital) และประเทศฝรั่งเศสใช้ชื่อทางการว่า เทอร์กัล (Tergal) เส้นใยในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ผลิตจากน้ำมันปิโตรเลียมโดยกลั่นออกมาเป็น กรดเทเรฟทาลิค แล้วให้ทำปฏิกิริยากับแอลกอฮอล์ จึงกดผ่านแว่นกด (Spinnerets) เป็นเส้นแผ่นบางๆ ปล่อยให้แห้ง แล้วตัดเป็นท่อนสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เมื่อต้องการทำเป็นเส้นใยต้องหลอมละลายก่อนแล้วกดผ่าน Spinnerets อีกครั้งหนึ่งกลายเป็นเส้นใยตามที่ต้องการ สามารถผลิตได้ทั้งเส้นใยยาวที่มีหน่วยวัดเป็นฟุต หรือเป็นเมตรและเส้นใยสั้นที่มีหน่วยวัดเป็น นิ้ว เซนติเมตร หรือมิลลิเมตร ใช้ผลิตเป็นเสื้อผ้าทั้งของสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี นำมาผสมกับเส้นใยชนิดอื่นได้ดี เช่น ผสมกับฝ้ายเรียกว่า Polyester/Cotton (P/C หรือ T/C) บางโอกาสอาจเรียกอัตราส่วนผสมนี้ว่า T/C อันเนื่องมาจากชื่อทางการค้าของเส้นใย Polyester ที่ผลิตจากประเทศญี่ปุ่นเรียกว่า Tetoron (T) หรือผสมกับ เส้นใยกึ่งสังเคราะห์ (Semi Synthetic Fibers) จำพวก เรยอน (Rayon) เรียกว่า P/R (Polyester/Rayon) ก็ได้เพื่อช่วยเพิ่มคุณสมบัติทางด้านอื่นเช่น ระบายความร้อน ยืดหยุ่นตัว ทนต่อการเสียดสี เป็นต้น เส้นด้ายที่ผลิตจากเส้นใย Polyester จะมีคุณสมบัติพิเศษเด่นชัดคือราคาถูกกว่าฝ้าย มีสีขาวนวล ผิวเรียบ ความแข็งแรงสูงมาก ทนต่อการเสียดสีได้ดีเป็นพิเศษ ใยเหนียว คงทนต่อสารเคมีและแสงแดด แมลง มอด และแบคทีเรียไม่ทำลายเส้นใย Polyester มีข้อจำกัดคือ ดูดซับความชื้นได้ค่อนข้างต่ำ เกิดไฟฟ้าสถิตย์ได้ง่ายเวลาสวมใส่เสื้อผ้าทำให้รู้สึกคันเหมือนถูกไฟดูด ฉะนั้นจึงนิยมนำเส้นใย Polyester มาผสมกับเส้นใยชนิดอื่น เช่น ผสมกับฝ้ายเส้นใย Polyester ที่นำมาปั่นเป็นเส้นด้ายเพื่อใช้ทอผ้า สำหรับการตัดเย็บเป็นเสื้อผ้านิยมใช้ขนาดความโต 1.4-1.5 Denier ความยาว (Cut Length) 38 มิลลิเมตร





เคฟลาร์ (kevlar) :
เป็นวัสดุแบบ aramid fiber มีโครงสร้างเป็น crystalline polymer มีจุดหลอมเหลวที่ 500 องศาเซลเซียส มีความยืดหยุ่นน้อย แต่มีความแข็งแรงต่อหน้าตัด ค่อนข้างสูง คือแข็งแรงกว่าเหล็ก 5 เท่า ที่น้ำหนักเท่าๆ กัน
อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับเคฟลาร์เพิ่มเติม ได้ที่ http://www.kevlar.com/ , http://www.pslc.ws/macrog/aramid.htm และ history of Kevlar
นอกจากเสื้อเกราะกันกระสุนแล้ว เรายังใช้เคฟลาร์ในการทำยางรถจักรยาน (ที่ทนต่อการเกิดรูรั่ว) , แทรมโพลีน, ไม้เทนนิส, สายพาน, ท่อส่งน้ำ, เชือก, เคเบิล เป็นต้น
เคฟลาร์ถูกสร้างโดย Stephanie Kwolek และจดสิทธิบัตร ในปี 1966











ไดนีมา (Dyneema Line) :
สาย Dyneema ผลิตจาก 100% โพลีเอทธิลีน (PE) มีการยืดตัวต่ำมาก มีหน้าตัดขนาดเล็ก แต่รับแรงดึงได้สูง บางครั้งมีการเคลือบ Fiber ป้องกันการเกิดขุย 








ประวัติความเป็นมาของว่าวไทย
 
    คำว่าว่าวเป็นคำที่คนไทยทุกชนชั้นทุกสมัยคุ้นเคยและสัมผัสมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นประชาชน ข้าราชบริพารและพระมหากษัตริย์ แต่ในที่นี้ จะกล่าวถึงว่าวจุฬา-ปักเป้า ซึ่งเป็นว่าวเอกลักษณ์ของไทย ซึ่งแสดงถึงศิลปะและวัฒนธรรมของประเทศไทย ทั้งยังเป็นกีฬาประเภทหนึ่ง ในสมัยโบราณที่พระมหากษัตริย์ของไทยในอดีต ทรงโปรดปรานและจัดให้มีการแข่งขันหน้าพระที่นั่งอีกด้วย
    การเล่นว่าวในประเทศไทย มีมาตั้งแต่กรุงสุโขทัย(พ.ศ.๑๗๘๑-๑๙๘๑) คือสมัยของพ่อกรุงศรีอินทราทิตย์ (หรือพระร่วง) ว่าวที่รู้จักกันมาก ได้แก่ "ว่าวหง่าว" หรือว่าวดุ๋ยดุ่ยซึ่งจะใช้ชักขึ้นในพิธี "แคลง" ทุกหนทุกแห่ง เป็นความเชื่อของประชาชนในสมัยนั้นว่าเพื่อเป็นการเรียกลมหรือความโชคดีให้เกิดขึ้น จึงอาจกล่าวได้ว่า "ว่าวหง่าว" เป็นว่าวที่เก่าแก่ที่สุดของไทย ในสมัยกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. ๑๘๙๓-๒๓๑๐) คำว่า ว่าวจุฬา" ปรากฏชื่อขึ้นในสมัยนี้ และยังสามารถช่วยในการรบได้ชนะ กล่าวคือ ได้นำว่าวจุฬาขึ้นและผูกหม้อกระสุนดินดำโดยใช้ชนวนถ่วงเวลาและชักให้ข้ามไปในแดนของฝ่ายตรงข้าม ทำให้เกิดระเบิดไฟไหม้ขึ้น ทหารฝ่ายอยุธยาก็เข้าเมืองได้
    สมัยแผ่นดินของพระพุทธเจ้าเสือซึ่งโปรดการชกมวยแล้วยังโปรดการเล่นว่าวและคว้าจุฬาปักเป้ากับ ข้าราชบริพารเสมอๆ คำว่า "ว่าวปักเป้า" จึงเป็นว่าวอีกชนิดหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในสมัยนี้และเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายตั้งแต่นั้นมา
    สมัยรัตนโกสินทร์ ในราชวงศ์จักรี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดการแข่งขันว่าวจุฬา-ปักเป้ามาก จัดการแข่งขันกลางแจ้ง (ท้องสนามหลวงในปัจจุบัน) เป็นที่สนุกสนานเมื่อเวลาที่ว่าวสายใดชนะพระองค์ ก็ทรงโปรดพระราชทานถ้วยรางวัลให้การแข่งขันเริ่มมีมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๙ เป็นต้นมา โดยพระองค์เสด็จเป็นองค์ประธานในการแข่งขันเป็นประจำทุกปี จนสิ้นรัชสมัยของพระองค์ ฉะนั้นจึงจัดได้ว่าว่าวจุฬา-ปักเป้า เป็นว่าวเอกลักษณ์ของชาติไทยชาติเดียวเท่านั้นที่สามารถนำมาเล่นใช้ต่อสู้กันได้
ในปัจจุบันได้จัดการแข่งขันว่าว "จุฬา-ปักเป้า" ขึ้นเป็นประเพณีของกีฬาไทย โดยใช้ชื่อว่า "งานประเพณีกีฬาไทย" ที่ท้องสนามหลวง ซึ่งจัดการแข่งขันกีฬาของไทย อาทิเช่น ตะกร้อ กระบี่กระบอง หมากรุก และที่สำคัญคือ การแข่งขันว่าวจุฬา-ปักเป้า ซึ่งงานนี้จัดโดยสมาคมกีฬาไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ และยังได้รับความร่วมมือจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หน่วยงานของภาครัฐบาลและเอกชนอื่นๆ ร่วมกันอีกด้วยอาวุธของว่าวที่ใช้ในการแข่งขัน
    ว่าวจุฬา จะมีอาวุธติดตัวอยู่ตรงสายว่าว เรียกว่า "จำปา" ใช้สำหรับเกี่ยวเหนียงและหางของว่าวปักเป้า ทำให้ว่าวปักเป้าเสียหางหรือเหนียงเข้าเครื่อง
    ว่าวปักเป้า อาวุธของว่าวปักเป้าที่ใช้ในการต่อสู้กับว่าวจุฬา เรียกว่า "เหนียง" ซึ่งประกอบด้วยสายทุ้งและสายยืน สายทุ้งจะยาวกว่าสายยืนเล็กน้อย แต่ก็ใหญ่พอที่จะครอบว่าวจุฬาได้ ซึ่งทำให้ว่าวจุฬาเสียการทรงตัวและตกลงในที่สุด
    เชือกที่ใช้ในการเล่นว่าว เราเรียกเชือกชนิดนี้ว่า "ป่าน" เป็นเชือกที่สามารถบังคับว่าวได้ง่าย เมื่อเรากระตุกว่าวแต่ละครั้งแรงจะส่งถึงตัวว่าวได้ทันที แต่ถ้าเป็นเชือกไนล่อนจะยืด แรงที่กระตุกจะส่งไปถึงตัวว่าวภายหลัง ทำให้ว่าวอืด ช้า ไม่ทันกาล ผู้จับจะบังคับว่าวไม่ได้รวดเร็วในขณะที่ทำการต่อสู้ เทคนิคการทำให้ป่านมีความเหนียวและยืดหยุ่นดี สะดวกในการกระตุกและบังคับว่าวได้ดังใจของผู้ชักก็คือ การกวดป่าน
ว่าวจุฬาที่ใช้ในการแข่งขันในปัจจุบัน จะมีขนาดอกตั้งแต่ ๘๐ นิ้วขึ้นไป ส่วนว่าวปักเป้าที่ใช้แข่งขัน จะมีขนาดอก ๓๔ ๑/๒ นิ้ว
    ว่าวที่ใช้ในการแข่งขัน มักจะทำว่าวให้มีความแตกต่างกัน ๓ ชนิด เพื่อจะได้เลือกใช้ตามสภาพอากาศ
    ๑. ว่าวชนิดแข็ง คือ การเหลาโครงว่าวให้ค่อนข้างแข็งที่จะทนต่อแรงลมได้ดี ในวันแข่งที่มีลมแรง แต่ถ้านำมาใช้ในสภาพลมอ่อน จะทำให้ว่าวหนักและตกลงมาได้ง่าย
    ๒. ว่าวชนิดกลาง คือ การเหลาโครงว่าวไม่แข็งจนเกินไป ไม่อ่อนจนเกินไป ใช้ในวันที่สภาพลมแรงปานกลาง
    ๓. ว่าวชนิดอ่อน คือ การเหลาโครงว่าวให้อ่อนกว่าว่าวชนิดกลางลงมาอีก เพื่อใช้ให้กับสภาพลมอ่อน ช่วยให้ว่าวขึ้นได้ง่ายในสภาพลมอ่อนฉะนั้นในการแข่งขันว่าวแต่ละครั้ง สายว่าวที่ใช้ในการแข่งขันจะต้องเตรียมว่าวมาให้ครบทั้ง ๓ ชนิด เพื่อสะดวกในการชักให้ขึ้น และบังคับว่าวให้ได้ดีตามสภาพอากาศ ว่าวแต่ละชนิดจะมีกี่ตัวก็ได้ ในการแข่งขันไม่จำกัดจำนวน ยิ่งสายว่าวของใครมีว่าวมากก็ยิ่งดี ก็ยิ่งได้เปรียบคู่ต่อสู้ เพราะในการแข่งขันจะมีว่าวหักบ้าง ฉีกขาดบ้าง
    ในการแข่งขันว่าวจุฬา-ปักเป้า แต่ละปี ผู้แข่งขันทุกท่านได้ตระหนักและซาบซึ้งคำว่า "กีฬา" และคำที่ว่า "น้ำใจของนักกีฬา" อย่างถูกต้องแล้ว ภาพพจน์ที่ได้จะมีคุณค่าและนำความภาคภูมิใจมาสู่บรรพบุรุษของเราในอดีตและเป็นแบบอย่างที่ดีแก่กาอนุรักษ์ไว้เป็นกีฬาของไทยประจำชาติเราต่อไป ฉะนั้นพวกเราซึ่งเป็นลูกหลานสืบทอดกันมา ควรอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย อันเป็นมรดกที่มีคุณค่าให้คงอยู่ไว้สืบไป